" อินทรราชา นาคะพุทธา พนมราชจุติ "
นับแต่ครั้งบรรพกาล มีตำนานเล่าขานถึงพญานาคองค์หนึ่งนามว่า องค์อินทรนาคราช
เป็นพญานาคราชที่อยู่ในตระกลูฉัพยาปุตตะ ที่มีพระวรกายเป็นสีเงินสามารถแผ่พระเศียรได้ ๙ พระเศียร มีดวงพระเนตรสีฟ้าเหมือนตามนุษย์ มีพระชายาที่เป็นนางพญานาคิณี คือ นางพญาศรีสุนันทาแก้วเกศรนาคิณี ทุกวันเข้าพรรษาจะขึ้นมาจากเมืองบาดาลแปลงกายเป็นมนุษย์เพื่อสักการะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วัดแห่งเมืองล้านช้าง อันเป็นที่รู้กันดีว่าอยู่ใกล้แม่น้ำโขงซึ่งเป็นที่ตั้ังเมืองบาดาล
"ท่านพ่อท่านแม่ข้าอยากขึ้นไปด้วย ขอข้า ขึ้นไปได้ด้วยหรือไม่"ธิดานาคีสาวผู้เป็นน้องสุดท้องถามขึ้น
"หากเจ้าอยากขึ้นมาเจ้าจักห้ามทำให้มนุษย์ร่วงรู้ว่าเจ้าเป็นนาคี เจ้าจักสัญญากับข้าได้รือไม่" พญานาคิณีผู้เป็นแม่ได้ถามกลับไป
"ข้าตกลงเสด็จแม่ข้าจักทำ ข้าจักมิทำให้มนุษย์รู้" นาคีสาวที่ตอบด้วยความดีใจที่เปี่ยมล้นหวังจะได้ขึ้นไปเที่ยวเล่นบนแดนมนุษย์
เมื่อถึงช่วงเข้าพรรษาสาธุชนผู้เลื่อมใสมีจิตใจศรัทธา
ต่างหลั่งไหลมาทำบุญที่วัดอย่างไม่ขาดสายเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
แต่ใครจะคาดคิดว่าผู้ที่มาทำบุญนั้นมิใช่มนุษย์หากเป็นนาคผู้ทรงศีลมีจิตศรัทธาอยากมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย
"ข้าตื่นเต้นจังเลย ท่านแม่" นางพญานาคีกล่าว
"เจ้าตื่นเต้นทำไมกัน" นางพญานาคิณีผู้เป็นแม่ถามด้วยความสงสัย
"ก็ข้าพึ่งเคยขึ้นมาบนโลกมนุษย์ครั้งแรก จักพึ่งเคยเห็นมนุษย์ตัวเป็นๆก็คราวนี้"นาคีสาวตอบด้วยความเขินอาย
หลังจากทำวัดในช่วงเย็น เสร็จ พญานาคาและพญานาคิณีก็ได้ตั้งตารอที่จะร่วมเวียนเทียน ณ วัดแห่งนี้ด้วย
"ท่านแม่ข้าจักได้เวียนเทียนด้วยหรือ"
"ท่านพ่อและท่าแม่ยิ้มเยี้ยงนี้หมายความว่าได้ใช่รือไม่"
"ชโย ข้าดีใจที่สุดเลยยย"นาคีสาวดีอกดีใจอย่างออกหน้าออกตา
เมื่อถึงยามพลบค่ำสาธุชนที่มาทำวัดเย็นต่างก็มาเวียนเตรียมตัวเวียนเทียนที่ศาลาหน้าอุโบสถหลังใหญ่
"เจ้ามาคนเดียวรึ" ชายหนุ่มรูปงามถามขึ้น
"ห้ะ เจ้า ถามข้างั้นหรือ...เออ..คืออ ข้ามากับท่านพ่อท่านแม่ของข้า"
"ข้ามีนามว่าไชยเชฐ" ข้าเป็นเจ้าชายแห่งเมืองนี้ แม่นางเป็นผู้ใดกันเหตุใด ข้าไม่คุ้นหน้าคร่าตาเจ้า"
"เออ"
.
.
.
"ข้า"
.
.
.
.
"ข้าเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา หากแต่จักเป็นที่เลื่องลือดังท่านเป็นไม่"
"กระนั้นรึ"ชายหนุ่มตอบ
"เจ้ามีคู่เดินเวียนเทียนแล้วหรือยัง"
"เอ่อ..ยังมิมีหรอกท่าน"
"เช่นนั้นข้า... ขอเจ้าเดินเป็นคู่ร่วมเวียนเทียนกับข้าได้รือไม่แม่นาง"
"เออ... ข้า"
"ตอบรับข้าเถิดหนา แม่นางเจ้าช่างงดงามเสียนี่กระไร"
"รีบตอบข้ามาเถิด ประเดี๋ยวจักมิทันกาลเอา" ชายหนุ่มถือวิสาสะ จูงมือหญิงสาวเข้าขบวนเวียนเทียนรอบอุโบสถอย่างรวดเร็ว
ขณะเวียนเทียนตาสองตาต่างสบกันด้วยเหตุแห่งรัก ลมพัดโชยเย็นระหว่างวนรอบอุโบสถแสงไฟจากเทียนที่งามเด่นยิ่นส่องให้เห็นถึงใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวชาวผู้นี้เจ้าเป็นใครกันนะช่างงดงามเสียจริง
พรึ่ม พรึ พรึ่มๆๆ เสียงฟ้าร้องดังลั่ง เป็นลางบอกจะมีฝนตก ผู้คนที่เวียนเทียนเสร็ตต่างแยกย้านกันกลับบ้านเพราะต่างคนต่างกลัวฝนตก
"แม่นาง นี่ก็ค่ำมืดแล้ว ให้ข้าจักส่งเจ้าที่บ้านได้รือไม่"
"เออ.. มิเป็นไรดอกรบกวนท่านเสียเปล่าท่านกลับไปเถิด"
"แต่ข้าอยากส่ง...."
พรึ่มมม สุ่มมมม เสียงฝนห่าใหญ่สาดลงมาอย่างไร้ท่าที
"แม่นางหาที่หลบฝนก่อนเถิด" ชายหนุ่มสูงโปรงใช้มือบังร่างหญิงสาวไม่ให้เปียกฝนขณะหาที่หลบจากความเปียกชื้น สองคนได้เข้ามาหลบอยู่ในศาลาไม้เล็กๆหลังหนึ่ง เวลาผ่านไปถึงสองยามกว่าฝนจะหยุด
"เจ้าจักเป็นไรหรือไม่"
"ไม่ เปียกเพียงนี้ ข้ามิเป็นไรดอก" สองร่างติดฝน ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดทำให้ทั้งสองยิ่งแนบชิดใกล้กัน
"ท่านหนาวรึ"
"มิเป็นไรดอก"ฝ่ายหญิงสาวกล่าวปฏิเสธแต่ชายหนุ่มกลับโอบกอดเข้าหาหาหญิงผู้นั้นเพื่อหวังให้ไออุ่น
"เจ้าจักเชื่อรึไม่หากข้าจะบอกว่า..."
"ข้ารักเจ้า" ทั้ังสองสบตากันด้วยความเสน่ห์หาสายตาที่สอดประสานทำให้หัวใจของคนทั้งสองเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ข้ารักเจ้าจริงๆนะแม่นาง หากเจ้าบอกบ้านข้าจักให้พ่อไปสู่ขอเจ้าให้ ผ่านมาตลอดชั่วชีวิตข้าข้ามิเคยเห็นแม่นางใดงามเพียงนี้เลย"ทั้งสองพรอดรักกันอยู่นานกว่าฝนจะหยุดแต่นาคีสาวเลือกที่จะปกปิดความจริงให้ฝ่ายชายรู้ เวลาฝ่านไปถึงสองยามจนกระทั่งฝนหยุดตก
"ข้าต้องไปแล้ว"
"แม่นางเจ้าชื่ออันใดรึ"
"ข้าขอโทษข้ามิอาจบอกได้" หญิงสาวที่กลั้นใจวิ่งออกมาจากศาลาทิ้งชายผู้นั้นให้คอยเก้อด้วยเกรงว่าท่านพ่อท่านแม่จักโกรธท่านเอาเสียก่อน
"เจ้าไปไหนมารึ"
"ข้าติดฝนท่านแม่ ข้าขอโทษที่ข้ากลับมาช้า"
"ดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็กลับมา"
เมื่อนาคีสาวอยู่ในเมืองบาดาลแต่กลับคิดถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่เมืองมนุษย์ ด้วยความคนึงหา นางนาคีจึงแอบแปลงกายเป็นมนุษย์หวังเพื่อพบกับชายหนุ่ม หลายครั้งที่นางกระทำเช่นนี้จน เจ้าชายไชยเชฐบอกถึงเหตุจำเป็นที่ต้องจากนางไป
"แม่นางผู้เป็นที่รักของข้า บัดนี้ข้ามีเหตุต้องไปรบต่างเมืองจักใช้เวลาหลายสิบเดือน เจ้าจักรอข้าได้รือไม่ หากข้ากลับมาข้าสัญญาว่าข้าจักให้พ่อข้าไปสู่ขอเจ้า แต่หากข้าตาย.."
"ท่านมิต้องพูด ท่านจักต้องกลับมา ข้าสัญญาข้าจะรอ ข้าจะรอท่าน รอท่านกลับมา"นาคีหญิงกลั้นกลืนฝืนคำพูดด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
"หากข้าตาย...เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ข้าและเจ้าได้เกิดมาเคียงคู่กันอีก"
"ข้ารักเจ้า แม่นางของข้า" ชายหนุ่มพูดตอบพร้อมกับจูบลงตรงหน้าผากของนางผู้เป็นที่รัก
"ได้เวลาต้องไปแล้วขอรับ" พลทหารม้าเร็วมารายงานเจ้าชายว่าถึงเวลาจักต้องไปแล้ว
"ข้าจักรอท่าน รอท่านเสมอ"
โชคร้ายที่โลกมักบรรเลงให้คนไม่พบเจอสิ่งต่างๆดั่งฝัน เจ้าชายไชยเชฐสิ้นพระชนม์แล้ว
นางนาคีที่แอบลอบฟังข่าวคราวจากหญิงคนใช้ในวังอยู่นั้น จึงตกใจและรีบกลับลงเมืองบาดาลแต่โดยเร็ว เพื่อบำเพ็ญภาวนาหวังว่าจักใช้ญาณทิพส่องหา
แต่ก็ไม่พบเจอ...
ท่านตายแล้วจริงๆหรืออ
นางพญานาคีไม่ลดละความพยายามนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อที่จะรอชายผู้เป็นที่รักกลับมาหานางอีกครั้ง
----------------------------------------------------------------------------------
มีใหม่หัดเขียนหากมีสิ่งผิดพลาดประการใดผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ให้ในอ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะค๊าาา
1comment=1กำลังใจให้คนเขียน อย่าลืมกดให้กำลังใจกันด้วยนะ
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง
twitter: @mukin__ นะค้า
#นาคฝากรัก
ความคิดเห็น